จาก A กระจายออกมาหลากหลายรุ่นเพื่อให้การตลาดเป็นไปอย่างเร้าใจนั่นทำให้สายพันธุ์ A ถูกตัดแต่งพันธุกรรมเป็นรถยนต์นั่ง CLA จนมาถึง GLA ความต่างในรหัสจะมีความเหมือนในบรรทัดฐาน A-Class หรือเปล่า เรามีคำตอบในการทดสอบ GLA200 อีกหนึ่งรหัสความหรูหราจาก Mercedes-Benz
หากมองในรูปลักษณ์ของ GLA ต้องบอกว่ามีความดุดัน สัดส่วนเส้นสายน่าเกรงขามเลยทีเดียว แม้จะมีกลิ่นอายของตระกูล A หลงเหลือบ้างก็ตาม แต่ด้วยบุคลิกและการวางตัว ทำให้รถคันนี้ฉีกแนวออกจาก A-Class ได้มากพอสมควร ซึ่งจะเห็นได้จากกระจังหน้าที่เข้มแข็งจากปรุงแต่ง เส้นสายด้านข้างที่มีความทะมัดทะแมง บั้นท้ายที่ดูทรงพลังและบึกบึน ประกอบกับการยกตัวถึงให้สูงขึ้น จึงเป็นเหมือนรถออฟโรดเล็กๆ คันหนึ่ง ทั้งหมดนี้ทำให้ GLA200 มีความเป็นชายมากกว่า A-Class หลายเท่านัก
อย่างไรก็ตามเมื่อก้าวเข้ามาห้องโดยสารซึ่งขึ้นลงสะดวกกว่า A-Class เนื่องจากความสูงที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ภายในหรืออุปกรณ์ไม่แตกต่างจากรุ่น A-Class จึงคุ้นตาในการจัดวางหรือการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ iPad Mini ยังคงอยู่ที่คอนโซลหน้า ช่องแอร์วงกลม 3 ช่องตรงกลาง ระบบเครื่องเสียงหรือระบบปรับอากาศ จัดวางไว้ตรงกลางส่วนล่างของคอนโซล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทั้งหมดนี้มีเหมือนกับ A-Class ทุกอย่าง
รหัส GLA200 มาแนวทางเดียวกับ A180 คือใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1,595 ซี.ซี. เป็นตัวขับเคลื่อน เพียงแต่กำลังที่ออกมานั้นแตกต่างกัน คือ 122 แรงม้า กับ 156 แรงม้า จึงทำให้สมรรถนะการขับขี่นั่นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งใน GLA200 จะให้ความประทับใจมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขับขี่หรือเรื่องของช่วงล่าง ทำตัวได้ดีคุ้มค่ากับราคาที่มากกว่า A180 พอสมควร
น้ำหนักตัวและขนาดตัวที่กะทัดรัด และพละกำลังระดับ 156 แรงม้า จึงได้ความจัดจ้านพอสมควร ทำให้การขับขี่รถคันนี้มีความคล่องตัวมากพอสมควร และเมื่อได้กำลังของเครื่องยนต์ที่สมน้ำสมเนื้อ ยิ่งทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างสวยหรูตามที่หวังไว้ ดีตั้งแต่การออกตัวที่กระฉับกระเฉง แม้ว่าจะกดคันเร่งเบาๆ ก็ตาม แต่กำลังที่ออกมานั้นเพียงพอที่จะทำรถคันนี้มาอยู่แถวหน้าได้อย่างภูมิใจ
นอกจากนี้ในเรื่องของอัตราเร่งยังให้ความต่อเนื่องที่น่าประทับใจ ด้วยการเร่งแซงที่ฉับไวและแม่นยำ สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ในทุกจังหวะ เดินคันเร่งกันได้อย่างเต็มที่ และหากต้องการความร้อนแรงที่เพิ่มขึ้น คุณสามารถสั่งการได้ทันที เครื่องยนต์ไม่มีการอิดออดหรือรอให้เสียจังหวะ จึงทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ระบบเกียร์ที่ลงตัวอีกด้วย จึงเป็นอะไรที่สอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ได้กำลังในการขับขี่เต็ม 156 แรงม้าอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งที่แตกต่างจาก A-Class เป็นเรื่องของระบบช่วงล่าง เพราะ GLA200 ทำตัวได้นิ่งและสบายใจในการเดินทางทุกเส้นทาง ขับขี่ในเมืองให้ความนุ่มที่สบายตัว ไม่มีเรื่องของความแข็งที่กระด้างแต่อย่างใด และเมื่อใช้ความเร็วสูงความนุ่มที่กระชับของช่วงล่าง ช่วยให้รถคันนี้เกาะถนนได้อย่างหนึบเหนียวทีเดียว ให้ความลงตัวในการควบคุมรถที่หนักแน่นอย่างไว้ใจได้ เป็นช่วงล่างที่ผสานความอ่อนกับความแข็งได้อย่างประทับใจ เรียกว่าเอาจุดดีของการขับขี่มาผสมกับจุดเด่นที่เลื่องชื่อของตนเองได้อย่างลงตัวและดีสุดๆ
บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวัง มีแต่ความประทับใจแม้ว่าจะทำให้นึกถึงตระกูล A อยู่บ้าง แต่เมื่อใดรถได้ออกตัวหรือได้ทำความเร็วแล้ว ทำให้ลืมเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ มิน่าถึงได้บอกว่ายิ่งเข้าใกล้ยิ่งเร้าใจ มันเป็นแบบนี้นี่เอง