ประสบการณ์ที่เร้าใจ จากการได้ลองขับรถแข่งระดับพรีเมี่ยม อาทิ Citroen DS3 R1,Renault Clio IV,Formula4 และAudi A6 ซึ่งรถแต่ละคันมีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกัน รวมถึงสัมผัสความร้อนแรงจาก Lamborghini GT3 และรถแข่งแบบ 2 ที่นั่ง Formula Le Mans 2-Seater ในแบบฉบับ Hots Lap จากนักแข่งมืออาชีพแบบเต็มสนามเซปัง เซอร์กิจ เลยทีเดียว รวมถึงทำความรู้จักกับยางใหม่ Michelin Pilot Sport 4 แบบเต็มอารมณ์อีกด้วย
ก่อนที่จะลงสนามจริงต้องมีการเตรียมพร้อม ทั้งเรื่องของทฤษฎีและการแต่งกาย เพื่อให้สมกับเป็นกิจกรรม MPSE อย่างแท้จริง ขั้นแรกปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นชุดแข่งเต็มสูบ ตั้งแต่ชุดแข่งแบบนักแข่ง ถุงมือ ที่คลุมหัวพร้อมหมวกและรองเท้านักแข่ง ทั้งนี้เพื่อให้คุณปลอดภัยและใช้งานได้เต็มที่ รวมถึงสื่อสารกับครูฝึกที่โดยสารไปด้วย ทั้งหมดเหมือนเป็นนักแข่งสมัครเล่นที่พร้อมจะลงสังเวียน
บทเรียนแรก
เรื่องของทักษะและการเข้าไลน์ที่ถูกต้อง
เราใช้รถทัวริ่งคาร์ Renault Clio IV เป็นพาหนะในการทดสอบ ภายนอกดูไม่มีอะไรแต่ภายในครบเครื่อง เบาะนั่งแบบบั๊กเก็ทซีทพร้อมสายรัด 4 จุด ข้างในไม่มีอะไรนอกจากพวงมาลัยที่มีปุ่มเต็มไปหมด พร้อมแป้นเกียร์หลังพวงมาลัย มีคลัทซ์ เบรกและคันเร่งเหมือนรถทั่วไป แต่คลัทซ์จะพิเศษเพราะมีไว้ใช้สตาร์ทเครื่องยนต์กับการออกตัว วิธีสตาร์ทเครื่องยนต์ให้เราเหยียบคลัทซ์ พร้อมกดปุ่มสตาร์ทบนพวงมาลัย และดึงแป้นเกียร์พร้อมๆกัน จากนั้นดึงแป้นเกียร์ด้านขวาเพื่อเข้าเกียร์หนึ่ง ก่อนจะปล่อยคลัทซ์และเหยียบคันเร่งส่งรถเข้าสู่สนามต่อไป
ดูเหมือนจะง่ายแต่ก็งงเหมือนกันกับการสตาร์ทเครื่องยนต์ ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ออกตัวไปพร้อมกับครูฝึกที่นั่งไปด้วยกัน และค่อยแนะนำตลอดการขับขี่ เราใช้คลัทซ์เพียงครั้งเดียวในการออกตัว แต่ในจังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ เราดึงแป้นเกียร์ได้เลยโดยไม่ต้องเหยียบคลัทซ์ ไม่ว่าจะเป็นการลดเกียร์หรือเพิ่มเกียร์ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีพรน้อมกับความสนุกที่เร้าใจ เราขับขี่กัน 3 รอบแต่เหมือนได้ขับ 6 รอบ เพราะด้วยความแรงและดิบของรถ ทำให้เราต้องใช้ทักษะและความพร้อมอย่างมาก เพื่อควบคุมให้รถไปถูกทิศทาง ลืมบอกไปว่ารถคันนี้ 200 แรงม้านะครับ
บทเรียนที่สอง
การขับแบบแรลลี่
ย้ำว่าแรลลี่จริงๆเพราะรถที่ใช้เป็น Citroen DS3 R1 กำลัง 130 แรงม้า มาพร้อมยางแรลลี่ของจริง เราใช้สนามลูกรังเป็นเวทีประลอง การเริ่มสตาร์ททำเหมือนบทเรียนแรก ออกตัวได้เราเปลี่ยนเกียร์ทันที เจอโค้งเล็กๆสาดโค้งเข้าไป มีอาการท้ายปัดเล็กๆให้รู้สึก จากนั้นเป็นทางตรงสั้นๆต่อเนื่องถึงโค้ง ครูฝึกบอกไปเต็มๆและหมุนพวงมาลัยเล็กน้อย เป็นโค้งซ้ายเราสาดรถเข้าไป พร้อมหมุนพวงมาลัยไปทางขวาเล็ก ท้ายปัดแต่หน้ารถเข้าไลน์ เราเดินคันเร่งต่อเนื่อง ทุกอย่างไปได้สวยตามที่ต้องการ ทำแบบนี้อีกหลายรอบจนรู้สึกมึนและร้อน จึงขอจบบทแรลลี่ด้วยความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง ที่ไม่เหมือนการขับรถทั่วไป ได้อารมณ์มันที่ปลดปล่อยความรู้สึกได้สุดขั้วจริง
บทเรียนที่สาม
ว่ากันด้วยเรื่องของรถแข่งฟอร์มูล่า
แม้จะไม่ใช่เบอร์หนึ่งเป็นเพียงเบอร์ 4 แต่ก็ให้อารมณ์ใกล้เคียงกัน ด้วยรูปทรงและท่านั่งขับ ปรับท่านั่งในการเหยียบคันเร่งและเบรกเรียบร้อย ออกตัวแบบต้องแรงจริงๆ เสียงเครื่องยนต์ดังเอาเรื่อง เพราะมีของมากถึง 160 แรงม้ากับน้ำหนักตัวเพียง 470 กก. เราออกตัวตามไลน์ครูฝึกที่เป็นผู้นำทาง เข้าเกียร์2 ต่อด้วยเกียร์ 3 ด้วยแป้นเกียร์หลังพวงมาลัย จะมีแสงไฟคอยเตือนและบอกในจังหวะเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้ง เพื่อให้สัมพันธ์กับความเร็ว ไม่ต้องเหยียบคลัทซเหมือนเดิม อารมณ์ดิบๆไม่มีความสบายเลย แต่ได้ความร้อนแรงในทุกๆรอบของการขับขี่ เราขับขี่กัน 3 รอบสนามพอได้ความรู้สึกเร้าใจ พร้อมกับความเมื่อยล้าจากความคับแคบ และจำกัดท่านั่งในการควบคุม
บทเรียนสุดท้าย
การเปรียบมวย
เป็นเรื่องของดการนำยางคู่แข่งในตลาดมาประกบคู่กับยางใหม่ Michelin Pilot Sport 4 เพื่อให้ทราบถึงสมรรถนะของยางว่าเป็นอย่างไร เราใช้รถ Audi A6 เป็นพาหนะ โดยมีสถานีสลาลมเป็นด่านแรกในการทดสอบ และปิดท้ายด้วยการเบรกเพื่อหยุดในระยะทางที่ปลอดภัย ครั้งแรกกับยางคู่แข่งเราใส่กันแบบเต็มๆตามสามารถ ซึ่งเรารู้สึกได้ถึงอาการที่เกิดขึ้นกับตัวรถ มีอาการท้ายปัดให้เห็นอย่างชัดเจน รวมถึงการหยุดรถที่กินระยะทางพอสมควร หากแต่เมื่อมาขับในรถที่ใส่ยาง Michelin Pilot Sport 4 กลับเป็นความรู้สึกที่ตรงข้าม ด่านแรกทุกอย่างเป็นไปด้วยดี รถเกาะถนนอย่างมั่นคงโดยไม่มีอาการ และทำได้ดีกับการหยุดรถที่ปลอดภัยอีกด้วย เป็นการเปรียบเทียบที่ชัดเจน และให้ความรู้สึกถึงความแตกต่าง ระหว่างยาง Michelin Pilot Sport 4 กับยางคู่แข่งในตลาด
ไม่นึกเลยว่ากว่าจะมาเป็นยางแต่ละชนิด ต้องผ่านกรรมวิธีการผลิตและส่วนผสมที่สำคัญ เพื่อให้ได้ยางที่คุณภาพและเหมาะสมกับการขับขี่ บริษัท Michelin เป็นผู้ผลิตยางที่มีอายุมานานกว่า 121 ปี โดยผลิตยางให้บริษัทรถยนต์และวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งในปี 2559 ได้แนะนำยางรุ่นใหม่ Michelin Pilot Sport 4 ที่พัฒนาเพื่อรถสปอร์ตและรถระดับพรีเมียม ด้วยคุณสมบัติที่ตอบสนองได้อย่างฉับไวและแม่นยำ มีสมรรถนะความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมแม้บนถนนเปียก มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแก้มยาง โดยมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 16-19 นิ้ว
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วบนสนามเซปัง เซอร์กิต แต่ระยะเวลากว่า 127 ปีได้พิสูจน์แล้วว่า Michelin ก้าวข้ามความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ด้วยผลิตภัณฑ์อันเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการแข่งขันในวงการมอเตอร์สปอร์ต ทั้งหมดนี้การันตีถึงประสบการณ์และความตั้งใจของ Michelin อย่างแท้จริง