Friday, March 29, 2024
HomeAuto TestTest DriveNew Mazda BT-50 PRO เติมเต็มความใหม่ ออฟชั่นและสมรรถนะไม่น้อยหน้าใคร

New Mazda BT-50 PRO เติมเต็มความใหม่ ออฟชั่นและสมรรถนะไม่น้อยหน้าใคร

หลังจากทำการเปลี่ยนแปลงในลักษณะ Minor change ให้กับ Mazda BT-50 PRO ไปได้ไม่นาน โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงหน้าตาบางส่วน เติมแต่งความบึกบึน ดุดัน เพิ่มความสวยงามต่อจากพื้นฐานการออกแบบแนว Kodo Design และตืิดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นอีกหลายรายการ ทำให้เป็นรถปิกอัพที่มีบุคลิกภาพของรถยนต์นั่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ ความทนทาน และแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของรถปิกอัพเอาไว้ ล่าสุดเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มอีกสองรายการใหญ่คือ จอมัลติฟังค์ชั่นดีสเพลย์ พร้อมระบบนำทาง Navigation และ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ทำให้คอนโซลกลางดูเปลี่ยนแปลงมีความทันสมัยขึ้นมาทันที

รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของ Mazda BT-50 PRO จากภายนอก ออกแบบด้านหน้ารถเปี่ยมไปด้วยมัดกล้าม สะท้อนผ่านกระจังหน้าและไฟหน้าที่ออกแบบใหม่ดู มั่นคง แข็งแรง และ แกร่งตามสไตล์รถปิกอัพ ยึดแนวการออกแบบตามแบบฉบับรถในตระกูลมาสด้า โดยเฉพาะกระจังหน้า Signature Wing อันเป็นเอกลักษณ์

ด้านหลังออกแบบไฟท้ายดีไซน์ใหม่บ่งบอกถึงความบึกบึนมากยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายเป็นสีแดง ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 และ 17 นิ้ว ออกแบบให้รับกับเส้นสายของตัวถังได้อย่างลงตัว

การวางเลย์เอาท์ภายในให้ผู้ขับเป็นศูนย์กลาง (Wraparound driving environment) ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ได้สูงสุด ตกแต่งโดยการเลือกใช้โทนดำเป็นสีหลัก ตัดกันด้วยชิ้นงานสีเทาดำ Gun Metal ประกอบด้วย ชิ้นงานตรงแผงประตู คอนโซลกลาง หัวเกียร์ ปุ่มกดที่เบรกมือ มือจับประตูด้านใน มาตรวัดความเร็ว และเข็มบอกความเร็ว โดยทำจากวัสดุหลากชนิด และเลือกใช้โทนสีที่แตกต่างกันตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของชิ้นงานนั้นๆ โดยเลือกใช้วัสดุที่ทำจากโครเมี่ยมให้ผิวสัมผัสที่ปราณีต และดูหรูหราไม่แยงสายตา

เบาะนั่งเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงมีให้เลือกถึง 3 แบบ ประกอบด้วยเบาะผ้าลายใหม่ 2 แบบทั้งแบบมาตรฐานและแบบสปอร์ตขึ้นอยู่กับระดับของรุ่นรถ และเบาะหนังสำหรับรุ่นระดับบน

ขุมพลังมีให้เลือก 2 ขนาด ทั้งแบบเครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตร คอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่น 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า ที่ 3,700 รอบ แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ โดดเด่นด้วยการให้กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ที่มีอยู่ในตลาด

อีกหนึ่งขนาดคือเครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร ครั้งแรกของมาสด้ากับเครื่องยนต์ 5 สูบ ที่ความจุกระบอกสูบขนาดใหญ่แต่มีขนาดกระทัดรัด ให้ประสิทธิภาพสูง และสมรรถนะที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับรถกระบะในท้องตลาด ด้วยกำลังถึง 200 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ และแรงบิดสูงสุดถึง 470 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ อีกทั้งยังให้การประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม

ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 และ 3.2 ลิตร มาพร้อมเทอร์โบแปรผัน Variable-nozzle turbocharger สำหรับเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตรระดับกำลังสูง โดยสำหรับเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร จะใช้เทอร์โบแบบ Fixed-geometry turbocharger พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ รวมทั้งระบบการหมุนเวียนไอเสียไหลกลับที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยลดอุณหภูมิการเผาไหม้และปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์

ระบบส่งกำลังและระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มาพร้อมสัญญาณเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ Upshift Indicator แสดงที่มาตรวัดรอบความเร็วเครื่องยนต์ ช่วยให้หลีกเลี่ยงการลากรอบเครื่องยนต์โดยไม่จำเป็นจึงช่วยให้ประหยัดน้ำมัน

ในขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีล่าสุดในการควบคุมเกียร์ที่ใช้ในรถยนต์นั่งมาสด้า ประกอบด้วย Active Adaptive Shift Control (AAS) ช่วยควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ให้สอดคล้องกับการขับขี่ ซึ่งระบบจะเรียนรู้จากพฤติกรรมการขับขี่ในแต่ละสถานการณ์การขับขี่ และ Sequential Shift Control (SSC) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ทั้งโหมดธรรมดา โหมดเพอร์ฟอร์มานซ์ และโหมดแมนนวลซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้แบบเกียร์ธรรมดา

Mazda BT-50 PRO รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อทุกรุ่นมีฟังค์ชั่นสวิทช์ Shift on-the-fly ควบคุมด้วยไฟฟ้า ช่วยเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ในระหว่างขับขี่ได้โดยไม่ต้องหยุดรถ ทั้งยังมีระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป (Limited Slip Differential) ในรุ่น 2.2 Hi-Racer เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด ป้องกันล้อหมุนฟรีขณะติดหล่ม สำหรับรุ่น 3.2 ลิตร 4×4 ได้รับการติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Dynamic Stablility Control: DSC)

หากเจอกับสถานการณ์ออฟโรดสามารถลุยน้ำได้สูงถึงระดับ 80 เซนติเมตร ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูง Hi-Racer และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ลุยน้ำระดับ 60 เซนติเมตร โดยที่เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของรถยังทำงานได้ตามปกติ เพราะวางตำแหน่งของอัลเทอเนเตอร์ (Alternator) ไว้สูงกว่ารถปิกอัพทั่วไป

Mazda BT-50 PRO ถูกออกแบบและพัฒนาให้ได้การขับขี่ที่นุ่มสบาย ควบคุมง่ายดั่งรถตรวจการอเนกประสงค์ หรือรถ SUV ระบบช่วงล่างด้านหน้าอิสระแบบปีกนกคู่ (Double-wishbone) และคอยด์สปริง ด้านหลังแบบคานแข็งและชุดแหนบ (Leaf-Spring) ให้ความนุ่มสบายในการขับขี่ทั้งเมื่อบรรทุกและไม่บรรทุก อีกทั้งมีคุณสมบัติความแข็งแกร่งที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถ

นอกจากนี้ระบบบังคับเลี้ยวแรคแอนพีเนียน (Rack-and-pinion Steering) ถูกนำมาใช้ใหม่เช่นเดียวกับในรถยนต์นั่ง มีโครงสร้างแบบ Rigid Mounting ให้ความรู้สึกตอบสนองได้ดี อัตราทดพวงมาลัยรวดเร็วและองศาการเลี้ยวที่เพิ่มมากขึ้น

ระบบเครื่องเสียงเล่นแผ่นและรองรับไฟล์DVD/VCD/CD/MP3/MPEG4/CD-R/WMA/JPEG พร้อมจอขนาด 7 นิ้วใหม่ ในแบบ Touch Screen (DVD Full Touch Operation) จอแบบ Anti-Glare Screen ลดแสงสะท้อนหน้าจอ ให้มุมมองคมชัด นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Auto-Dimmer ปรับลดความสว่างอัตโนมัติ เมื่อเปิดไฟหน้า พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับเชื่อมต่อ iPod, iPhone สามารถควบคุมเครื่องเสียงได้อย่างสะดวกง่ายดายจากพวงมาลัย (เฉพาะรุ่น leather AT, 4×4)

ทั้งยังมีซีดีจำลอง Virtual discs CDC แบบมี Memory บันทึก CD ได้ถึง 6 แผ่น สามารถเล่นเพลงและวิดีโอ ขณะใช้งานระบบนำทาง โดยจะแยกเสียงนำทางดังที่ลำโพงหน้าขวาฝั่งคนขับ

กล้องมองหลังเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์มาตรฐานที่เพอชิ่มมาเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย โดยจอภาพจะอยู่ที่กระจกมองหลังที่สามารถปรับลดแสงได้โดยอัตโนมัติ

ระบบนำทางตั้งค่าเมนูได้ 3 ภาษา (ไทย, อังกฤษ และจีน) ให้คุณใช้งานได้สะดวกกว่าด้วยการตั้งค่าทางลัด สามารถเลือกไอคอนที่ใช้งานบ่อย สามารถแสดง/แจ้งเตือนเมื่อมีการตรวจจับจากกล้องจราจร และสามารถเพิ่มตำแหน่งกล้องจราจรได้เอง

หน้าจอระบบนำทางมาพร้อมมุมมอง Split และ Dual View ให้ขับขี่อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นกับมุมมองพิเศษที่แสดงระหว่างขับขี่ เพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา โดยเปลี่ยนแผงควบคุมทั้งหมดให้ดูดีและทันสมัย

Mazda BT-50 PRO ยังคงไว้ด้วยสมรรถนะที่ต้องการตามแบบของรถปิกอัพ แต่ให้การขับขี่และการโดยสารแบบรถยนต์นั่ง ดังนั้นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยจึงได้นำมาใช้อย่างครบครันเพื่อความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารร่วมเดินทางเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น

นอกเหนือจากมาตรการต่างๆ เพื่อพัฒนาให้เป็นรถปิกอัพที่มีความปลอดภัยสูงสุด ถูกติดตั้งด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเฉกเช่นเดียวกับในรถยนต์นั่งมาอย่างมากมาย สมรรถนะด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน ซึ่งมาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเริ่มจากทัศนวิสัยที่ดีในทุกมุมมองของการขับขี่ ประสิทธิภาพในการควบคุมการขับขี่ สมรรถนะด้านการเบรก รวมทั้งเทคโนโลยีทันสมัยช่วยควบคุมการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสำคัญๆ ได้แก่ เบรก ABS 4 ล้อ (Antilock Braking System, 4W-ABS), ระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction Control System, TCS) และระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control, DSC) และเสริมเพิ่มเติมด้วยระบบการทำงานดังต่อไปนี้

ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน Emergency Brake Assist (EBA): เมื่อมีการเบรคฉุกเฉินระบบจะช่วยเพิ่มแรงเบรกให้มากพอในการหยุดรถ

ระบบ Brake Override System (BOS):  ระบบอัตโนมัติที่จะตัดการทำงานของคันเร่งในกรณีที่แป้นเบรกและคันเร่งถูกเหยียบในเวาลาเดียวกัน

ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉิน กะพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน Emergency Stop Signal (ESS): เมื่อมีการเบรกในสถานะการณ์ฉุกเฉินเมื่อใช้ความเร็วสูงสัญญาณไฟฉุกเฉินจะปรากฏขึ้น

ระบบควบคุมการทรงตัวเมื่อบรรทุก Load Adaptive Control (LAC): เมื่อมีการบรรทุกสัมภาระระบบจะทำการจับตำแหน่งและน้ำหนักของสัมภาระที่บรรทุกแล้วควบคุมการทำงานของระบบเบรก ABS 4 ล้อ (4W-ABS), ระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction Control System, TCS) และระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control, DSC) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก การป้องกันการลื่นไถล เสถียรภาพและการทรงตัวของรถ รวมถึงการป้องกันรถพลิกคว่ำ

ระบบช่วยการทรงตัวลากจูง (TSM): ขณะลากจูงรถ เมื่อรถลากเริ่มที่จะส่ายออกด้านข้าง ระบบจะทำการปรับความเร็วของล้อทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเพื่อรักษาตำแหน่งของรถลากให้เหมาะสม

ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ Roll-Over Mitigation (ROM): ระบบทำงานเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของรถและควบคุมแรงเบรกในแต่ละล้อเพื่อป้องกันรถพลิกคว่ำ

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Launch Assist (HLA): เมื่อรถต้องออกตัวจากการหยุดนิ่งบนถนนลาดชัน ในขณะที่ผู้ขับขี่ถอนเท้าจากแป้นเบรคเพื่อไปเหยียบคันเร่งระบบจะทำการหยุดรถเป็นเวลา 2 วินาทีเพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลต่อรถที่จะไถลเนื่องจากถนนลาดชัน

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (4WD only): ระบบจะเพิ่มแรงเบรกเพื่อรักษาความเร็วที่ใช้ให้คงที่อยู่ตลอดเวลา

ราคาจำหน่ายของรถปิกอัพ  Mazda BT-50 PRO

รุ่นสแตนดาร์ดแค็ป STD                  ราคา  562,000 บาท

รุ่นฟรีสไตล์แค็ป FSC                       ราคา  623,000 บาท

รุ่นฟรีสไตล์แค็ป FSC Hi-Racer       ราคา  682,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็ป DBL                          ราคา  663,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็ป DBL Hi-Racer          ราคา  773,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็ป DBL 4×4 3.2             ราคา  1,030,000 บาท

RELATED ARTICLES

Most Popular