นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการเดินทางกับ Ford Ranger ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นสุดพิเศษอย่าง Rapter หรือ Wildtrack หรือ แม้แต่ Everest ก็ตาม แต่ครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งแรกโดยมีภารกิจพิเศษ “Mission Possible” ให้ต้องทำให้สำเร็จไปด้วย นั่นไม่ใช่เพียงแต่จะได้ทดสอบสมรรถนะของ ฟอร์ด เรนเจอร์เท่านั้น แต่ภารกิจสุดท้าทายครั้งนี้ คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ณ ห้องเรียนสาขาบ้านแม่เป่งทะ โรงเรียนแม่อมกิ ในอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นภารกิจที่เราจะนำความเจริญในด้านการเรียนรู้ไปมอบให้เด็กๆที่อยู่พื้นที่ห่างไกล ไม่มีแม้แต่….ไฟฟ้า
ภารกิจครั้งนี้เริ่มขั้นหลังจากเดินทางมาถึงท่าอากาศยานอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขบวน ฟอร์ด เรนเจอร์ ตั้งแถวรอรับคณะของเราไว้เป็นที่เรียบร้อยจำนวน 10 คันด้วยกัน ต่างคนต่างเลือกรถตามที่ได้กำหนดกันไว้แล้ว ทั้งหมดเป็นแรนเจอร์รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อได้รถแล้วการเดินทางจุดแรกคือ จับจ่ายและเลือกซื้อสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับกิจกรรมที่จะเข้าไปร่วมพัฒนาชุมชนในเขตพื้นที่ทุรกันดาร ไม่ว่าจะเป็นอาหาร แท้งก์น้ำ เครื่องปั่นไฟ โซลาร์เซลล์ และวัสดุก่อสร้างเพื่อใช้ในการบูรณะระบบไฟฟ้าและการสื่อสารของโรงเรียน ซึ่งล้วนมีน้ำหนักมากจัดการบรรทุกใส่ท้ายรถ
ซึ่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ นั้นได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานบรรทุกได้กว่า 961 กิโลกรัม และลากจูงได้สูงถึง 3,500 กิโลกรัม สำหรับรุ่นไวล์ดแทรค และรุ่นลิมิเต็ด มีพื้นที่ท้ายกระบะกว้างและฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift Tailgate ช่วยลดการออกแรงและเพิ่มความสะดวกในการปิดเปิดฝาท้าย เราบรรทุกกันไปประมาณ 300 กก. รวมน้ำหนักผู้โดยสารในรถ 3 คนและสัมภาระอีกประมาณ 200 กก. รวมแล้วแค่ 500 กก.เศษ ไม่ใช้เรื่องยากสำหรับการเดินทางแน่นอน
จากนั้นคณะจึงออกเดินทางพร้อมสัมภาระหนักต่างๆ เพื่อพิสูจน์สมรรถนะและความทนทานของ ฟอร์ด เรนเจอร์ กันต่อ ด้วยช่วงล่างที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพิเศษที่เชื่อมต่อด้วย Ford Smart Mount ช่วยกระจายน้ำหนักไปทั่วท้ายกระบะ รวมทั้งระบบพวงมาลัยไฟฟ้าและระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว จึงช่วยให้การควบคุมรถ ตลอดเส้นทางเกือบ 200 กิโลเมตร จากอำเภอแม่สอดไปยังอุทยานแห่งชาติแม่เงาบนเส้นทางหมายเลข 105 ซึ่งเป็นทางหลางที่ได้รับการปรับปรุงสภาพผิวจราจรอย่างดี ถึงแม้จะเป็น เลนสวน แต่รถไม่ได้มากมาย ขับชมวิวทิวทัศน์ที่แสนสวยงามเพราะเส้นทางนี้จะข้ามเขาหลายลูก ทางลาดทางชัน ไต่ขอบเขามีเป็นระยะ แต่การเดินทางก็เป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวกสบาย และปลอดภัย
ในวันถัดมา คณะของเราออกเดินทางสู่ห้องเรียนสาขาบ้านแม่เป่งทะ โรงเรียนแม่อมกิ อำเภอท่าสองยาง ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานแม่เงาที่พักแรมของเราไปอีก ประมาณ 15 กม. แต่เราต้องใช้เวลาเดินทางนับชั่วโมง เนื่องจากโรงเรียนตั้งอยู่ในพื้นที่ชายป่าใกล้ชายแดนพม่า ตำบลแม่วะหลวง ห่างจากตัวอำเภอท่าสองยางถึง 100 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขาสูงตามแนวทิวเขาถนนธงชัย การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบากโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
รถฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทรค และรุ่นใหม่ลิมิเต็ด ที่ใช้ในการเดินทาง ต้องขับขี่ด้วยระบบ 4×4 ทั้งโหมด 4H และ 4L ในบางช่วง ในระหว่างการเดินทางจึงถือเป็นการทดสอบอัตราเร่งและสมรรถนะของเครื่องยนต์และเกียร์ ทั้งเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร สำหรับรุ่นไวล์ดแทรค และกำลังสูงถึง 180 แรงม้า และแรงบิด 420 นิวตันเมตร สำหรับรุ่นลิมิเต็ด ทำให้การเดินทางบนเส้นทางที่ยากลำบากและทุรกันดารเป็นเรื่องง่ายดาย
นอกจากนี้ ในเส้นทางต้องเผชิญกับแม่น้ำที่ขวางหน้า ฟอร์ด เรนเจอร์ ก็สามารถผ่านไปได้ด้วยความสามารถในการลุยน้ำได้สูงถึง 800 มิลลิเมตร รวมทั้งระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (HDC) ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดแบบสมบุกสมบันได้เป็นอย่างดี เอาตัวรอดในสภาพผิวถนนแย่ๆได้ตลอดรอดฝั่ง
ในที่สุดก็มาถึง ห้องเรียนสาขาบ้านแม่เป่งทะ โรงเรียนแม่อมกิ ห้องเรียนแห่งนี้เปิดขึ้นเพื่อรองรับเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อขยายโอกาสให้กับเยาวชนในถิ่นทุรกันดารให้ได้รับการศึกษา อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอีกมากมายให้กับสังคม ตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในจุดนี้เราได้ร่วมแรงร่วมใจทำภารกิจหลัก เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับครูและนักเรียน ห้องเรียนสาขาแม่เป่งทะ โรงเรียนแม่อมกิ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเรือนล้างจานและบริจาคอ่างล้างจาน บริจาคโทรทัศน์ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
รวมถึงจุดรับสัญญาณโทรศัพท์เพิ่มเติม อีกทั้งยังรวมถึงร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะกระเบื้องหลังคาโรงเรียนที่ชำรุด โดยอุปกรณ์ต่างๆ นั้นก็ได้บรรทุกเข้ามากับฟอร์ด เรนเจอร์ทั้ง 10 คันที่เราขับกันเข้ามานั้นเอง
เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน คณะของเราได้ร่วมทำอาหาร และรับประทานอาหารกลางวันกับน้องๆ นักเรียนห้องเรียนสาขาแม่เป่งทะ แล้วลงมือปฏิบัติภารกิจต่อในช่วงบ่ายจนสำเร็จลุล่วง
เป็นภารกิจที่สร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นทั้งผู้ทำให้และผู้รับ ก่อนที่จะได้จากลากันไปอย่างมีความสุข เป็นการปิดท้ายภารกิจพิเศษ “Mission Possible” ครั้งนี้