Friday, March 29, 2024
HomeAuto Newsจาก มิชชั่น อี (Mission E) สู่ ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกจากปอร์เช่ (ภาพ+คลิปวีดีโอ)

จาก มิชชั่น อี (Mission E) สู่ ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกจากปอร์เช่ (ภาพ+คลิปวีดีโอ)

การปรากฎตัวของรถยนต์แห่งอนาคตได้ก้าวหน้ามาอีกขั้น ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ ปอร์เช่มีกำหนดการเผยโฉมในช่วงต้นปีหน้า ในระหว่างการจัดเตรียมงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ ยนตรกรรมไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ คันนี้ได้รับการขนานนามอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายใต้ชื่อ “ไทคานน์ (Taycan)”


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “มิชชั่น อี (Mission E)” ถูกใช้ เป็นชื่อที่เรียกขานเมื่อกล่าวถึงยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของปอร์เช่ และนับจากนี้เป็นต้นไปจะถูกเรียก ขานใหม่ในนาม “ไทคานน์ (Taycan)” ซึ่งมีความหมายในเบื้องต้นว่า “อาชาหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความคึกคะนอง” สะท้อน ให้เห็นภาพของม้าศึกที่เป็นตราสัญลักษณ์ของปอร์เช่ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมายาวนานนับตั้งแต่ปี 1952 “

Oliver Blume ประธาน กรรมการบริหาร Porsche AG กล่าวว่า “รถสปอร์ตพลังงาน ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดของปอร์เช่มาพร้อมพละกำลังและอรรถประโยชน์ที่มากล้น และนี่คือยานพาหนะที่มีศักยภาพในการขับขี่ ที่มีเส้นทางยาวไกลพร้อมเปิดโลกเสรีภาพใหม่ให้ทุกคน”

นอกจาก ไทคานน์ (Taycan) จะเป็นตัวแทนของการเริ่มต้นยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตของปอร์เช่แล้ว ชื่อนี้ยังมีนัยสำคัญถึงการประกาศวาระแห่งการเฉลิมฉลอง ในฐานะส่วนหนึ่งของกิจกรรม “70 years of Sport cars”

ไทคานน์ (Taycan) ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง 2 ตัวแบบ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) เมื่อทำงาน ร่วมกันสามารถผลิตกำลังสูงสุดได้มากกว่า 600 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) ส่งผลให้รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันนี้มีอัตรา เร่งจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 3.5 วินาที และพุ่งทะยานสู่ความเร็ว สูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 12 วินาที

ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมนี้เกิดขึ้นโดยข้อได้เปรียบของการถ่ายทอดกำลังขับเคลื่อนที่ต่อเนื่องอันเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า การเร่งออกตัวที่ฉับไวมาจากประสิทธิภาพการทำงานของส่วนประกอบซึ่งปราศจากการสูญเสียใดๆ ในระบบโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำให้รถยนต์คันนี้สามารถเดินทางไกลมากกว่า 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐานของ NEDC

ขอบคุณภาพเพิ่มเติมจาก: Netcarshow

RELATED ARTICLES

Most Popular