การกลับมาใหม่ในรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ของ MAZDA CX-5 ที่มาของต้นกำเนิดสุดยอดเทคโนโลยี SKYACTIVE ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจจาก MAZDA และยังได้นำเทคโนโลยีของระบบต่างๆในรถคันนี้ไปพัฒนาให้กับรถยนต์ในค่ายแทบทุกเซกเมนต์ก็ว่าได้ รูปแบบใหม่ของ SKYACTIVE SUV จะมีอะไรน่าสนใจ และการขับขี่ยังคงสนุกสนานตามคอนเซปต์ที่ค่ายรถซูมซูมต้องการให้เป็นมากน้อยเพียงใด www.autoworldthailand.com มีคำตอบให้ทุกท่านนำไปพิจารณาครับ
1 เดือนก่อนงานมอเตอร์โชว์ จะเริ่มขึ้น บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดตัว MAZDA CX-5 ในรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ หลังจากนำรถรุ่นนี้เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2012 ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา CX-5 ได้การันตีด้วยรางวัลต่างๆมากมาย อาทิ รถยนต์ยอดเยี่ยมของประเทศญี่ปุ่น “Japan Car of The Year” ประจำปี 2555 – 2556, ได้รับคะแนนความปลอดภัยสูงสุดของโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ-บอดี้ “Top Safety Pick” จากสถาบันเพื่อความปลอดภัยบนถนนหลวงของประเทศสหรัฐอมริกา Insurance Institute for Highway Safety (IIHS)ในปี 2015 และรางวัลทางด้านความปลอดภัยผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จากยุโรป หรือ Euro NCAP จวบจนถึงเวลาปรับโฉมในรูปแบบ Minor Change ซึ่งเป็นไปตามแนวคิด “Achievement in Control ทุกความสำเร็จ…คุณควบคุมได้”มาดูกันก่อนครับว่าการเปลี่ยนแปลงของ SKYACTIVE SUV ใน MAZDA CX-5 มีอะไรบ้าง เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกด้วยชุดกระจังหน้าแบบใหม่ในลุคของความเป็นพรีเมียมมากกว่ารุ่นเดิม เติมเต็มความสปอร์ตด้วยไฟหน้า Adaptive LED Headlamp และไฟ DAYTIME RUNNING LAMP ดีไซน์ใหม่ พร้อมติดตั้งระบบอัจฉริยะปรับองศาอัตโนมัติอย่างอิสระซ้าย-ขวา ตามสภาพการขับขี่บนถนน ให้ความปลอดภัยที่เหนือระดับ นอกจากนี้ยังมีไฟตัดหมอก และไฟท้าย LED แบบใหม่
ห้องโดยสารปรับแต่งเพิ่มเติมในส่วนของ แผงคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และแผงประตู เน้นการใช้สีเงินวาว และสีเงินซาตินโครม รวมถึงวัสดุหุ้มพวงมาลัย แผงหน้าปัดเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ออกแบบโดยเน้นหลักการทำงานตามธรรมชาติสรีระของการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จัดวางอุปกรณ์ทุกชิ้น ให้อยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมบันทึกความจำ 2 ตำแหน่ง ในส่วนของเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ด้วยเช่นกัน ระบบเชื่อมต่อMZD Connect รองรับระบบนำทางและ DVD ส่งภาพผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเสียงระดับไฮเอนด์จาก BOSE ด้วยลำโพง 9 ตำแหน่ง คอนโซลกลางติดตั้งระบบเบรกมือไฟฟ้า ELECTRICAL PARKING BREKE (EPB) ใช้งานง่าย พร้อมสวิตช์ DRIVE SELECTION ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับเลือกโหมดขับขี่ในโหมดสปอร์ตเพื่อสนองต่อสมรรถนะเมื่อต้องการเร่งแซง
MAZDA CX-5 คันที่ได้ทำการทดสอบมากับขุมพลังสกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร แบบแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVL (Variable Vavle Lift) และระบบเทอร์โบชาร์จแบบ 2 ชั้น สมรรถนะจากเครื่องยนต์บลอคนี้ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 4,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโยมัติสกายแอคทีฟ 6 จังหวะซึ่งรวมข้อดี ของเกียร์ทุกระบบเข้าไว้ด้วยกันโดยมีจุดเด่นในด้านการตอบสนองแม่นยำไม่ต่างไปจากเกียร์ธรรมดา
ระบบความปลอดภัยจัดเต็มกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้นด้วย i-ACTIVSENSE ครบครัน ทั้งแบบเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive Safety ประกอบด้วยทั้งหมด 8 ระบบ ได้แก่
ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะช่วยปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกกันอย่างอิสระทั้งซ้าย-ขวาให้เหมาะสมกับระยะห่าง และตำแหน่งของรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ
LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถอาจเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อันเกิดจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
LAS (Lane-keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ช่วยคนขับในการควบคุมรถเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะด้านหน้าเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ
SBCS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะขณะขับถอยหลังด้วยความเร็วต่ำ
DAA (Driver Attention Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบจะช่วยส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับ
ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลนโดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลังและอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น
RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังระบบจะส่งสัญญาณเตือนขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลัง
นอกจากนี้ยังมี ABS ทั้ง 4 ล้อ พร้อม EBD ที่ช่วยกระจายแรงเบรก, ถุงลงนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, DSC (Dynamic Stability Control ช่วยควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ, HLA (Hill Launch Assist ช่วยในการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน และ TCS (Traction Control System ช่วยป้องกันรถเลื่อนไถล
ได้เวลาลองของใหม่กับ MAZDA CX-5
การทดสอบในครั้งนี้ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับ SKYACTIVE SUV บนเส้นทางกรุงเทพ-จันทบุรี รวมระยะทางไป-กลับ ร่วม 600 กม. จากโรงแรมมิราเคิลแกรนด์ บนถนนวิภาวดีรังสิต ผ่านถนนรามอินทรา ตัดเข้ามอเตอร์เวย์ พร้อมกันลัดเลาะเลียบริมทะเลบริเวณถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ แล้วจึงต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่หาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรี
ห้องโดยสารเงียบ
เก็บเสียงดี อุปกรณ์ใช้งานสะดวก
สิ่งแรกที่รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงและสื่อมวลชนจากทุกสำนักต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารเป็นเรื่องที่โดดเด่น ซึ่งมอบสุนทรียแห่งการขับขี่ได้ตรงประเด็น ปรับปรุงในส่วนของการเก็บเสียงที่ลดลงจากเดิมถึง 13 % หรือ 1.2 เดซิเบล จากการที่ใช้วัสดุซับเสียงคุณภาพสุงและเพิ่มความหนาของกระจกประตูหลังมากกว่ารุ่นเดิม 0.4 มม. จนทำให้เสียงภายนอกที่เร็ดรอดเข้ามามีน้อยมาก รวมถึงเสียงจากเครื่องยนต์ดีเซลที่ต้องยอมรับว่าดังกว่าเครื่องยนต์เบนซินไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ผลิตมาค่ายไหนก็ตาม แต่วิศวกรจากค่ายซูมซูมได้ใส่ใจในรายละเอียด จนทำให้ลืมไปว่ารถที่ได้ทำการทดสอบนั้นเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขณะเดียวกันอุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ภายในห้องโดยสารถูกจัดวางให้ใช้งานง่ายไม่ต้องละสายตาไปจากถนนมากมายนัก
SKYACTIVE-D
เครื่องยนต์ขับสนุก ช่วงล่างนุ่มหนึบ
สมรรถนะของเครื่องยนต์ SKYACTIVE-D ซึ่งมาพร้อมวาล์วแปรผันที่ไปเลือกคบกับระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ ในความจุขนาด 2,191 ซีซี ให้กำลังสูงสุดถึง 175 แรงม้าที่ 4,500 รอบ และแรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ พาน้ำหนัก 1,673 กก. ของ CX-5 ซึ่งรวมกับน้ำหนักบรรทุกของผู้โดยสารทั้ง 3 ท่านกว่า 300 กก. รวมทั้งสิ้นเกือบๆ 2 ตัน ไปได้อย่างสบายๆแถมยังประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ในขั้นว่าดีเยี่ยม โดยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 14-18 กม.ลิตร ในระหว่างช่วงการทดสอบที่ย่านความเร็ว 120 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์เฉลี่ยที่ 2,200-2,400 รอบ โดยกำลังจากเครื่องยนต์ถูกส่งผ่านไปยังเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIVE-DRIVE แบบ 6 จังหวะ ที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ทั้งยังเลือกสนุกได้กับระบบ บวก/ลบ ที่คันเกียร์ ระบบรองรับแบบ SKYACTIVE-CHASSIS ออกแบบมาได้นุ่มหนึบ ส่งผลให้ความตึงเครียดในขณะขับขี่ลดลง และเพิ่มเติมมาด้วยความสนุก ขับสบาย สะท้อนถึงที่มาในสไตล์ซูมซูมได้เป็นอย่างดี
i-ACTIVSENSE
ขีดสุดของเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ช่วงของการสัมผัสกับ i-ACTIVSENSE ทั้ง 8 ฟังค์ชั่นซึ่งต้องบอกไว้ว่าทำได้อย่างไม่ยาก ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Smart City Brake Support สร้างขึ้นเพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. และ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง Smart City Brake Support-Reverse ป้องกันอุบัติเหตุจากการชนปะทะขณะขับถอยหลังด้วยความเร็วต่ำ เซนเซอร์จะสั่งการให้รถหยุดเมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่เข้ามายังระยะทำการที่เซนเซอร์ตรวจจับได้
สำหรับระบบที่สัมผัสโดยตรงในขณะขับขี่ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอย่าง ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน Lane Departure Warning System ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนทำงานร่วมกับ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane-keep Assist System ซึ่งระบบจะประมวลผลและควบคุมพวงมาลัยกลับมาในช่องทางที่เหมาะสมช่วยคนขับในการควบคุมรถเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นความชาญฉลาดของสมองกลร่วมกับเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ติดตั้งบริเวณกระจกหน้า
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert ระบบจะช่วงส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับ
ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM Advanced Blind Spot Monitoring ระบบนี้ใช้เรดาร์ตรวจจับ หากตรวจพบรถยนต์กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลังและอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น จะทำการเตือนเมื่อโดยส่งสัญญาณเตือนไปที่กระจกมองข้าง
และระบบที่ขอพูดถึงเป็นสิ่งสุดท้ายคือ ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ Adaptive LED Headlamps เป็นเทคโนโลยีล่าสุดทำหน้าปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกกันอย่างอิสระทั้งซ้าย-ขวาให้เหมาะสมกับระยะห่าง และตำแหน่งของรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ และช่วยไม่ให้การทำงานของไฟสูงไปรบกวนรถคันอื่น และเมื่อใช้ความเร็วสูง มอเตอร์ของระบบจะปรับลำแสง ช่วยให้การมองเห็นทำได้ไกลกว่าเดิม รวมถึงสังเกตุสิ่งกีดขวางได้อย่างไม่ลำบาก
MAZDA CX-5
SKYACTIVE SUV เทคโนโลยีเหนือระดับ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
มาถึงบทสรุปภาพรวมของ MAZDA CX-5 ในเรื่องของรูปลักษณ์ดูแล้วอาจจะใกล้เคียงกับรุ่นเดิม ที่โดดเด่นจะเป็นเรื่องของชุดไฟ LED ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่รอบคัน ห้องโดยสารมีทีเด็ดในส่วนของการเก็บเสียงซึ่งเป็นการปรับปรุงในส่วนของสุนทรียภาพในการขับขี่ ระบบต่างๆที่มีให้มาเรียกได้ว่าจัดเต็มและเป็นการติดตั้งด้วยเทคโนโลยีระดับสูง ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงจะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้และผู้โดยสารที่อยู่ในรถ ยังเป็นการทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความปลอดภัย ส่วนเรื่องของอัตราเร่งและสมรรถนะการยึดเกาะประเด็นนี้หายห่วง เพราะเท่าที่สื่อมวลชนทุกคนที่ได้ทำการทดสอบ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า”ขับสนุกและควบคุมง่าย”