Thursday, March 28, 2024
HomeAuto TestTest Driveทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ รถบรรทุกเล็กเพื่อการพาณิชย์ ขุมพลัง ดีเซล คอมมอนเรล

ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ รถบรรทุกเล็กเพื่อการพาณิชย์ ขุมพลัง ดีเซล คอมมอนเรล

ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ รถบรรทุกเล็กสำหรับงานขนส่งและการพาณิชย์ ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มของพ่อค้า แม่ขาย หน้าใหม่ นำไปดัดแปลงในรูปแบบของ FOOD TRUCK หนึ่งเดียวในตลาดที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ คอมมอนเรล  ขนาด 1.4ลิตร เกียร์ธรรมดา 5 สปีด  จำหน่ายในราคา 3.9 แสนบาท

กระแสแรงกับรถ Mini Truck ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากก้าวข้ามกฎหมายเรื่องเวลาการใช้ถนนสำหรับการขนถ่ายสินค้า รวมถึงนำไปดัดแปลงต่อยอดเพื่อดำเนินธุรกิจส่วนตัวของคนรุ่นใหม่ในรูปแบบ FOOD TRUCK ล่าสุด บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ค่ายรถแดนภารตะ จึงได้นำโปรดักส์ใหม่ ลงสังเวียนสู้ศึก หวังโกยยอดจำหน่ายในเซกเมนต์นี้ พร้อมชูจุดเด่นว่าเป็นเพียงค่ายรถแบรนด์เดียวที่ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ ดีเซล เทอร์โบ คอมมอนเรล โดดเด่นในด้านความ แกร่ง ถึก ทน  แต่ทั้งหมดจะเป็นจริงอย่างที่ว่าหรือไม่www.autoworldthailand.com มีคำตอบครับ

ทาทา ซูเปอร์เอซ  มินท์ มากับมิติตัวรถที่โดดเด่นตามขนาด 4340 x 1565 x 1858 มิลลิเมตร ในรุปแบบของรถบรรทุกเพื่อการพาญิชย์แบบหัวเดียว ทั้งยังมีพื้นที่ในการบรรทุกใหญ่สุดในเซกเมนต์ตามขนาด 2630 x 1460 x 300 มิลลิเมตร  จุดเด่นนี้ทำขึ้นมาเพื่อบรรทุกสินค้าในพื้นที่ที่ต้องการความคล่องตัวสูง และสะดวกในการขนย้ายจากกระบะที่สามารถเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน หรือจะต่อยอดเพื่อดัดแปลงในรูปแบบของ FOOD TRUCK ตามกระแสนิยมก็ทำได้อย่างสะดวกสบาย

ออกแบบภายในด้วยความเรียบง่าย ในสไตล์รถ 2 ที่นั่ง วัสดุที่ใช้ตกแต่งห้องโดยสารดูมีความพิถีพิถันมากขึ้น ด้วยคอนโซลพลาสติกปั๊มขึ้นรูป มีเครื่องเสียงระบบซีดี เอมพี 3 และสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศแบบมือหมุน ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง พวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียนพร้อมแกนพวงมาลัยแบบยุบตัวได้เพื่อความปลอดภัย หัวเกียร์จับถนัดมือ ใกล้กันจะมีที่วางแขนพร้อมช่องเสียบแก้วน้ำ

ทาทา ซูเปอร์เอซ  มินท์ มากับขุมพลังใหม่ ในรูปแบบของเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 1.4 ลิตร ไดคอร์ ยูโร 4 จ่ายเชื้อเพลิงผ่านหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบอัดอากาศ เทอร์โบชาร์จและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 70 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด140 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำต่อเนื่อง ตั้งแต่ 1,400–2,750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

ในด้านความยึดเกาะถนน ระบบช่วงล่างด้านหน้าใช้แบบอิสระ พร้อมแหนบแผ่นซ้อนรูปวงรีที่ด้านหลัง ดีไซน์สำหรับการบรรทุกสัมภาระโดยเฉพาะ ส่วนระบบเบรก ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังเป็นดรัมเบรกพร้อมวาล์วปรับแรงดัน

การทดสอบในครั้งนี้ได้จำลองการใช้งานจริงผ่านเส้นทางการจราจรหลากรูปแบบ พื้นที่ของห้องโดยสาร ที่สร้างขึ้นสำหรับการขับขี่แบบ 2 ที่นั่ง ประเด็นนี้ผ่านสบายๆ มีตัวช่วยอย่างพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ไม่ต้องเหนื่อยและประหยัดแรงการควบคุมรถได้เยอะ คลัชค่อนข้างนิ่ม ทั้งนี้น่าจะมาจากการออกแบบเพื่อใช้งานสะดวกในสภาพการจราจรแออัด ส่งผลให้ผู้ขับขี่คลายความเมื่อยล้าได้ค่อนข้างดี แรงลมจากเครื่องปรับอากาศส่งความเย็นกระจายทั่วห้องโดยสารได้รวดเร็ว จนต้องปรับความแรงมาเหลือเพียงเบอร์ 1 และการไม่มีฝากระโปรงหน้าที่ยืดยาว ส่งผลให้ทัศน์วิสัยการขับขี่กว้างไกล ทำให้การเล็งทิศทางทำได้ง่ายและแม่นยำ

เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลขนาด 1.4 ลิตร แม้จะมีแรงม้าเพียง 70 แรงม้า แต่แรงบิดขนาด 140 นิวตันเมตร ในช่วง1,400–2,750 รอบ/นาที ก็สามารถนำพารถคันนี้ไปได้อย่างสบาย บางช่วงถนนโล่งๆ ลองเหยียบคันเร่งไปที่ความเร็วกว่า 100 กม./ชม. เข็มความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการสังเกตบริเวณแผงหน้าปัด เป็นสิ่งบ่งชี้ว่ารถคันนี้มีกำลังล้นเหลือ อย่างไรก็ตามการทดสอบในครั้งนี้มีเพียงนน.บรรทุกจากผู้ขับขี่และผู้โดยสารเพียง 2 ท่าน หากมีการบรรทุกสัมภาระตามการใช้งานจริง ฟิลลิ่งทั้งหมดอาจเปลี่ยนไป แต่ขณะที่ทดลองขับ หัวข้อนี้สอบผ่านครับ

การยึดเกาะถนน ถ้าวิ่งรถเปล่าอาจจะรู้สึกแข็งและโคลงบ้างเล็กน้อย ตามสไตล์ของระบบช่วงล่างแบบแหนบแผ่น แต่เมื่อใดที่มีน้ำหนักบรรมุกมากดทับ การยึดเกาะจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นตามมาแน่นอน จริงๆแล้ว ถ้าเปลี่ยนขนาดยางจาก 165 R14 มาเป็นหน้ายางที่กว้างกว่า หรือจะยกเซ็ททั้งล้อและยางให้เป็นขอบ 15 นิ้ว สมรรถนะด้านการยึดเกาะจะโดดเด่นขึ้นมาทันที

จุดขายสำคัญคือเรื่องของพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายที่ใหญ่สุดในเซกเมนต์ เพราะฉะนั้นการขนส่งสินค้าหรือดัดแปลงให้เป็น FOOD TRUCK รวมถึงรถบริการเคลื่อนที่ จะมีพื้นที่กว้างขวางกว่าคู่แข่ง และในส่วนของกระบะที่เปิดได้ถึง 3 ด้าน จะได้เปรียบเวลาขนย้ายสิ่งของแน่นอน

RELATED ARTICLES

Most Popular